มีหลายคนที่ตะลอนเที่ยวกางเต็นท์เพราะต้องการธรรมชาติ เพื่อบำบัดหรือช่วยให้จิตใจมีความสงบ เพราะในธรรมชาตินั้น ไม่มีสิ่งใดที่ทำให้จิตใจเราเิกิดความทุกข์ ไม่มีเสียงติฉินนินทา คำพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม ธรรมชาติไม่มีเสแสร้ง ไม่มีหลอกลวง พายุจะมาก็มา ลมฝนจะตกก็ตก

ลิงจะมาขโมยอาหาร มันเห็นอาหารวางล่อไว้ มันก็มา ถ้าเก็บให้มิดชิด ก็ไม่มา ถึงจะมีบ้างก็มาแบบน่ารักๆ เช่น กวางจะมาเล็มหญ้าใกล้ๆ เต็นท์ ทำทีเป็นกินหญ้าแต่สายตาสอดส่องหาอาหาร เผลอเสร็จกวาง แต่ถ้าเป็นลิงต้องระวังครับ เด็ก สตรี คนชรา มันแย่งอาหารจากมือเลยทีเดียว เพราะช่วงนี้มันหาอาารไม่ได้ และคนก็ให้จนมันหาอาหารเองไม่เป็นแล้ว

คำพูดไม่ดีจากปากคน การแข่งกันสะสมวัตถุ ความคาดหวังของคนรอบตัว กิเลศ รัก โลภ โกรธ หลง กำหนัด เมถุน ฯลฯ สิ่งพวกนี้ทำให้ใจเราเป็นทุกข์ ก็บำบัดได้ด้วยธรรมาชาติ แต่ต้องมาแบบเดี่ยวๆ อย่างพวกผมนะครับ มาเป็นกลุ่ม เปลี่ยนสถานที่สังสรรค์ ไม่เจออะไรหรอกครับ

การกางเต็นท์คนเดียวในอุทยาน มีเต็นท์เดียว เดี่ยวๆ หลายคนอาจจะมองว่าบ้า ไม่มีบ้านจะอยู่หรืออย่างไร มีครับแต่บ้านมันร้อน วันดีคืนดี ข้างบ้านก็ทะเลาะกัน หน้าบวมหน้าปูด เห็นแล้วจิตใจหดหู่ เศร้าหมอง

ลองดูครับ แ้ล้วจะเห็นความสงบ แล้วก็จะเข้าใจว่าชีวิตมันก็แค่นั้นเอง แก่งแย่ง แข่งขันกันไป ก็เท่านั้น สุดท้ายก็เหลือเราตัวคนเดียว ตอนนี้คุณอาจจะัยังทำงานอยู่ แต่เมื่อใดที่อายุถึงเวลาต้องปลดเกษียณแล้ว ตอนนั้นจะเข้าใจว่ายิ่งสูง(อายุ) ยิ่งหนาวแค่ไหน

ความน่ากลัวที่สุด เมื่อเราเริ่มอายุมากขึ้น ก็คือความโดดเดี่ยวความเหงา การเข้าหาธรรมชาติก็ช่วยบำบัดได้ เมื่ออยู่กับธรรมชาติ ได้เห็นความเป็นจริง สัตว์ป่า แมลง หรือสิ่งมีชิวิตต่างๆ (ยกเว้นนกที่อยู่เป็นคู่) เราจะพบว่าส่วนใหญ่ เค้าก็อยู่ตัวเดียว ก่อนนอนบางครั้งผมก็เดินสำรวจ ดูนู่น ดูนี่ เห็นกบตัวเล็กๆ ไม่มีอาวุธอะไรเลย ไม่มีอะไรที่จะป้องกันตัวเองได้เลย อาศัยการอำพรางตัวเองเท่านั้น ซึ่งก็แนบเนียนมาก  อยู่ไปตามธรรมชาติ ตายไปก็จบกัน พอเห็นแบบนี้แล้ว ก็เริ่มปลง เริ่มปล่อยวาง ความสุขก็เริ่มๆ เกิดขึ้นในใจ เพราะถึงจะมีวัตถุ มีเงินทอง ก็ไม่ได้ช่วยยื้อความตายได้ สร้างความสุขที่ยั่งยืนไม่ได้


 

ผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น มีปัญหามากเหมือนกัน เมื่อหลายปีก่อน ก็ได้ธรรมชาติบำบัดจนจิตใจเป็นปกติ ซึ่งก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังต้องระหกระเหินตะลอนเที่ยวไปตามอุทยาน ประเภทมาเดี่ยวๆ ถ้าไม่ใช่ปลดเกษียณอายุเกิน 60 แล้ว ส่วนใหญ่จะมีปัญหาไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

มีหลายเรื่องที่คนเรายึดมั่นมากเกินไป เพราะวัตถุที่ต้องมี เหมือนคนอื่น หรือความคาดหวังของคนรอบข้างที่ต้องให้เรามีเหมือนคนอื่น แต่มันเกินความสามารถของเรา ก็ต้องปล่อยวาง คนเราวาสนา แข่งกันไม่ได้ ตัวเราเอง เราห้ามตัวเองได้ แต่คนอื่นเราห้ามไม่ได้ หรือแม้แต่ตัวเราเอง เรายังทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้ เพราะเกินกำลังความสามารถ แล้วมีคนมาคาดหวังให้เราทำอย่างที่เค้าต้องการ มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้

ชีวิตผมเคยมีความทุกข์อย่างมาก แต่เป็นทุกข์ที่เราไปแคร์คนอื่นมากไป ทำไมคนรอบตัวต้องเป็นแบบนั้น ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ฯลฯ ตัวเองจริงๆ ไม่ได้มีทุกข์อะไรเลย พอปล่อยวางได้ก็เป็นสุข ตัวเรา เราทำดีที่สุดแล้ว คนอื่นก็ต้องทำตัวเองให้ดีเหมือนกัน มันเป็นหน้าที่ของเค้า ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว คิดให้ตาย เครียดให้ตาย ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ เราตายอยู่ตรงนี้ แต่เค้าก้ยังทุกข์เหมือนเดิม

ในวันที่ปล่อยวางได้ ก็ได้ธรรมชาติบำบัด ไปกางเต็นท์ในมุมเงียบๆ นั่งมองต้นไม้ใบไม้ ไม่มีต้นไหนขยับ ใบไม้นิ่งสงบ? ทุกอย่างรอบตัวมีแต่ความสงบ ก็พยายามทำตัวนิ่งๆ เหมือนต้นไม้ ในใจก็ถามต้นไม้ ทำไมพวกแกสงบนิ่งจังฟะ แต่ทำไมใจข้าถึงร้อนรุ่มอย่างนี้ เหมือนลูกโป่งที่ถูกเติมลมเข้าไปเต็มที่ แตกดังโพล๊ะ!

อยู่ๆ จิตใจก็เกิดการปล่อยวาง ความทุกข์ในใจก็เปรียบเสมือนลมในลูกโป่ง พอปล่อยวาง มันก็ลอยหายไปในอากาศเหมือนลมในลูกโป่งที่ระเบิดออกมา ความทุกข์ก็หายไป มีแต่ความรู้สึกเป็นสุข

ที่น่าประหลาดก็คือ คำตอบในหลายเรื่องที่ตามหามาเป็นสิบปี มันวิ่งเข้าสมองเอง เหมือนถูกถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสัก ล้านเมกะบิดต่อวินาที คิดหาคำตอบหาวิธีแก้ไขความทุกข์มาตั้งนาน กลับไม่เจอ แต่พอปล่อยวางแค่นั้น คำตอบมันมาเอง

เป็นเวลาหลายสิบปีที่ผมแบกความทุกข์ไว้ในใจแบบนี้ ถ้าไม่ได้ธรรมชาติบำบัด ผมคงไม่คิดได้แบบนี้

ที่ผ่านมาใช้ชีวิตอยู่แต่ในลานโบว์ บาร์ เธค ผับ ลานเบีร์ย โคโยตี้ ฯลฯ ตื่นบ่ายสาม นอนตีสี่ เป็นสิบปี มันเป็นสถานที่ที่ช่วยคั่นเวลาเท่านั้นเอง ทำให้ลืมความทุกข์ไปได้ชั่วขณะ แต่ในอีกวันต่อมา มันก็กลับมา พอมันกลับมา เราก็ไปหาที่คั่นเวลา สุดท้ายก็ไม่ค้นพบทางแก้ปัญหาจริงๆ กลับยิ่งสร้างปัญหา

ในอีกมุมมองหนึ่ง การมีคู่ชีวิต มีลูก มีหน้าที่การงาน นั่นก็ถือเป็นตัวคั่นเวลาอย่างหนึ่ง แต่เป็นทางที่ดี สิ่งเหล่านี้ ช่วยคั่นเวลาไม่ให้คุณคิดฟุ้งซ่าน เรียกว่าไม่มีเวลาให้คิดเลยว่าอย่างนั้นเถอะ แต่ความทุกข์จะมาในวันที่คุณอายุมากขึ้น ลูกหลานออกเรือนหมดแล้ว ปลดเกษียณแล้ว ไม่ว่าจะทุกข์จากความเหงา ลูกหลาน ค่าใช้จ่ายฯลฯ

มีเวลาก็เข้าหาธรรมชาติกันดีกว่าครับ ชีวิตไม่ต้องมีปัญหาก็ใช้ธรรมชาติบำบัดได้ ปัญหายิ่งน้อยก็ยิ่งบำบัดง่าย ก็เหมือนอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ของคนเรา รักษาง่าย หายเร็ว

 

มุมสบายๆ บนเขาใหญ่ประมาณ 20 กว่าองศา กับบรรดา ผู้เฒ่าทั้งหลาย ล่าสุดที่เจอกันนั้น หลายๆ คนทักว่าผมดูดีขึ้น หน้าตาไม่หมองคล้ำ ดูเครียดเหมือนเมื่อก่อน ก็ปัญหามันหมดไปเยอะแล้วนี่นะ

 

แต่ทั้งนี้ก็ต้องระวัง เมื่อเข้าหาธรรมชาติแบบนี้ จงพึงระวัง ดูคน ดูเต็นท์รอบๆ ให้ดี พวกพาลก็เยอะครับ แทนที่จะไปบำบัดกลับได้เรื่องกลับบ้านให้ยิ่งทุกข์หนักเข้าไปอีก

 

มีหลายคนที่ไปเที่ยวและทำตัวแบบนี้ คนแถวบ้าน คงจะไม่มีใครอยากคบแล้วกระมัง  พวกอวดเบ่งเยอะครับ ประเภทเข้ามาทักเราแล้ว ถามนู่น ถามนี่ซอกแซ่ก พวกนี้ตัวปัญหาเลย ถ้าเข้ามาคุยแล้ว เริ่มถามเรื่องส่วนตัว ต้องรีบชิ่ง ตัดบทสนทนา ถามเพื่ออะไร ก็เพื่อให้แน่ใจว่า เราด้อยกว่า พอแน่ใจแล้ว ก็เสร็จเลยคราวนี้  ข่มใหญ่เลย ย้ำนะครับ ต้องรีบชิ่ง พวกนี้จะเลือกเหยื่อ จะดูใครขับรถเก่า ท่าทางโลโซ ดูกระจอก เอาล่ะ ต้องไปข่มมันซะหน่อย  ผมโดนบ่อย

ก็ต้องระวังครับ ไม่เช่นนั้น แทนที่จะเข้าหาธรรมชาติเพื่อบำบัด กลับไปรับปัญหาเพิ่มมากกว่าเดิม ในธรรมชาติล้วนๆ มีความสงบ แต่เมื่อมีคนที่ไม่สงบเข้าไปในธรรมชาิติ ปํญหาก็ตามมาอยู่ดี